ประมวลภาพเหตุการณ์ 7 กุมภาพันธ์ 2553
การประชุมหมู่บ้าน เพื่อคัดเลือก คัดสรร ประธาน กรรมการ หมู่บ้านพฤกษา 14 บี ชุดที่ 3
ตัวผมเองที่ได้สังเกตุ บรรยากาศต่างๆ ดูว่าจะมีการคาดการล่วงหน้าไว้แล้ว
แต่ก็มีความตื่นตัวขึ้นกว่า2ครั้งที่ผ่านมา เริ่มมีความเป็นประชาธิปไตยขึ้นมานิดหน่อย
สมาชิก ออกมาน้อย 100กว่าคน จากสมาชิกทั้งหมด 389 หลังคาเรือน
บางคนก็เป็นคนหน้าเดิมๆๆ ก็มีความหวังกับคนใหม่บ้าง
เพื่อให้การแก้ไขปรับปรุง พัฒนาในสิ่งที่ดีขึ้น
เช่น การจัดเก็บค่าส่วนกลาง ที่ได้เพียง 40เปอร์เซนต์
กำแพงหมู่บ้าน ที่รอการประชาสัมพันธ์จากนิติฯ
ตัวกระผมเอง ทิตจิ้ม ได้ทำจดหมายฝากให้กรรมการ
ให้พิจารณาดังมีใจความต่อไปนี้
กระผม นายชญาน์ทิพย์ ซอย 11 ขอกราบวิงวอนต่อท่านกรรมการซอยทั้ง40 ท่านให้รับเรื่องไว้พิจารณา
ด้วยครับ และขอกราบขอบพระคุณท่านกรรมการซอยทุกท่านที่ได้อ่านความคิดเห็นของกระผม
1. ผมอยากให้กรรมการซอยทุกท่านร่วมหารือในการทำงานโดยใช้เหตุผลทางความคิดเป็นหลักโดยคำนึง
ถึงประโยชน์ของสมาชิกทั้ง 389 หลัง และ งานหมู่บ้าน สวัดดิการต่างๆที่สมาชิกควรพึงมีพึงที่จะได้รับ
เพราะการตัดสินใจของท่านนั้น จะมีผลทำให้เกิดความเจริญ และ ความสามัคคี ของการอยู่ร่วมกัน
2. ท่านกรรมการซอยทุกท่าน ควรมีการหารือ ให้มีเอกสารทุกๆ 3 เดือน ถึงสมาชิกทุกบ้าน
เพื่อบอกเรื่องราวต่างๆ ผลงานต่างๆ หรือความคิดเห็นต่างๆ อุปสรรคและปัญหาต่างๆ
รายรับรายจ่ายต่างๆ วาระการประชุมต่างๆ เป็นต้น
เพื่อเกิดความเข้าใจอันดี ของการรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้อง ได้เกิดความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
ประโยชน์ที่ได้ ก็คือการลดปัญหาความขัดแย้ง เสริมสร้างความสามัคคี
3. ท่านกรรมการซอยทุกท่าน ช่วยคิดหาวิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรร ในเรื่องของเพื่อนสมาชิกที่มิได้
จ่ายค่าส่วนกลาง โดยยึดหลักความสามัคคีก่อน ไม่ใช้อคติใส่ร้ายป้ายสีให้เกิดความชิงชังระหว่างกัน
ควรเข้าไปหาข้อมูล รับฟังปัญหาต่างๆที่แท้จริง แล้วมาประชุมแก้ปัญหากันอีกครั้ง
4. ท่านกรรมการซอยทุกท่าน คิดหาข้อแก้ไข พัฒนาระบบ กฎข้อบังคับ ให้ทันสมัยต่อเหตุการณ์
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างมีประสิทธิผล เพื่อสวัสดิการของสมาชิกให้มากขึ้น
5. ท่านกรรมการทุกท่าน คิดแก้ไขสิ่งปลูกสร้าง บางอย่างที่ไม่มีประโยชน์ ให้กลับมาใช้ประโยชน์
เช่น ป้อมยามเก่าบริเวณส้วมซึ่งไม่มีน้ำประปาไปถึง พื้นที่บริเวณ บ่อบำบัดที่ว่างเปล่า
6. ท่านกรรมการซอยทุกท่าน ช่วยคิดวิธีการประชุมสามัญ วิสามัญต่างๆๆ ให้เกิดผลดี
มีประสิทธิภาพกว่าเดิม ให้มีระบบ มีขั้นตอน ให้เหมาะสม
หรือถ้าเกิดกรณีพิพาทจากฝ่ายบริหาร กับสมาชิก ให้หาคนกลาง องค์กรกลาง ผู้ใหญ่บ้าน ถ้ามี
มารับฟังปัญหา โดยใช้หลักและเหตุผล มากกว่าอารมณ์
ถ้าเป็นเรื่องทะเลาะ เรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับงานบริหารงานหมู่บ้าน ให้คนกลางเชิญคู่กรณี ทั้ง
สองฝ่าย ให้ออกไประงับอารณ์จากภายนอกก่อน
คนกลาง หรือองค์กรกลาง อาจช่วยดูความเรียบร้อย ในการประชุม ในการนับคะแนนเสียง
การโหวตคะแนนเสียงให้บริสุทธ์ ยุติธรรม
กราบขอขอบพระคุณท่านกรรมการซอยทุกท่านที่ได้พิจารณาความคิดเห็นในครั้งนี้
ความคิดตัวผมเอง ผมคิดว่า คนทุกกลุ่ม ในหมู่บ้าน มีความคิดจุดมุ่งหมายเดียวกันนั่นคือความเจริญ
แต่เหตุผลกับต่างกัน โดยไม่เข้าใจเจตนาของแต่ละฝ่าย
ก่อนจบ มีคำพูดของท่างขงจื้อ มาฝากนั่นคือ
" อย่าไปกังวลว่าคนอื่นจะไม่เข้าใจเรา จงกังวลว่า ตัวเราต่างหาก...ที่ไม่เคยเข้าใจผู้อื่นเลย
6 Responses to ประมวลภาพเหตุการณ์ 7 กุมภาพันธ์ 2553
น่าจะเรียกว่าเป็นการลากตั้งประธานนิติฯ มากกว่า เข้ากับยุคสมัยของรัฐบาลมาร์คเลย เขามีการล๊อคสเป็กไว้แล้ว เลือกกี่ปี่ก็เป็นประธานคนเดิม 555 อยากจะหัวเราะ 2 ปีผ่านมา ไม่เห็นมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ส่วนใหญ่ จะเป็นผลงานของ อบต.มากกว่า ประธานทำให้คนในหมู่บ้านแบ่งเป็นหลายฝ่าย ไม่ได้สร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นเลย ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ปีหน้าก็คงเหมือนเดิม
ไม่มีความเป้นประชาธิปไตย ไม่ให้ลูกบ้านมีส่วนร่วม
แล้วจะหาความสามัคคีได้ที่ไหน
เห็นเห็นด้วย ตามความเห็น 2 ถ้าหมู่บ้านเราเป็นอย่างนี้ต่อไป อีกไม่นานเงินของพวกเรา 7% ประมาณล้านกว่าบาท จะโดนพวกนี้อมไปใช้ เพราะทุกวันนี้ ยังไม่เคยเห็นหน้าบัญชีที่ update ณ.ปัจจุบันเลย มีแต่เพียงคำพูดเหลือเท่านั้นเหลือเท่านี้ การเซ็นต์ในสมุดบัญชี ก็มีแต่พวกของเขา คือเซ็นต์ 2 ใน 3 คน ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ระบบตรวจสอบไม่ หรือไม่ยอมให้ตรวจสอบ ประธานคนนี้ไม่เคยให้ความสำคัญกับคนที่ไม่ใช่พวกตัวเอง แล้วอย่างนี้ จะสร้างความสามัคคี ให้เกิดได้อย่างไร ไปหล่ะ
ไม่เคยสนับสนุนเยาวชน ในด้านต่างๆๆ คิดแต่ความเป็นผู้ใหญ่
นั่งในสวนสาธารณะก็หาว่ามั่วสุม เต่าล้านปีว่ะ
ความเห็นแตกต่าง แต่ความสามัคคีในพฤกษา14B ยังคงเหมือนเดิม
ร่วมมือร่วมใจชำระค่าส่วนกลาง พัฒนาหมู่บ้าน
+1 ให้ทุกคน
hot
พวกเรามาดูปีที่ 3กันก่อนครับว่าจะเป็นอย่างไร
จะเกิดอะไรขึ้น ต่อไป
จะมีการสร้างสรรสิ่งใด ใหม่ๆๆ
จะสร้างความเข้าใจกันมากได้แค่ไหน
เขาว่าคนที่เป็นนักบริหารดี(ผมไปอ่านมา)
เขาว่า ไม่ใช่คนที่ดี ไม้ใช่คนเลว ไม่ใช่คนขี้เกียจ
แต่เขาว่า นั่นคือ ทัศนคติ
ประภาเพ็ญ สุวรรณ (2526 หน้า 5) กล่าวว่า ทัศนคติ ของบุคคลสามารถถูกทำให้เปลี่ยนแปลงได้หลายวิธี อาจโดยการได้รับข้อมูล ข่าวสารจากผู้อื่น หรือจากสื่อต่าง ๆ ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง องค์ประกอบของ ทัศนคติ ในส่วนของ การรับรู้ เชิงแนวคิด (Cognitive Component) และเมื่อองค์ประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งเปลี่ยนแปลง องค์ประกอบ ส่วนอื่น จะมีแนวโน้ม ที่จะ เปลี่ยนแปลงด้วย กล่าวคือ เมื่อองค์ประกอบของ ทัศนคติ ในส่วนของการรับรู้ เชิงแนวคิดเปลี่ยนแปลง จะทำให้องค์ประกอบ ในส่วนของอารมณ์ (Affective Component) และองค์ประกอบในส่วนของพฤติกรรม (Behavioral Component) เปลี่ยนแปลงด้วย
แนวความคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ทัศนคติ
แมคไกวร์ และมิลแมน ( McGuire and Millman,1965) กล่าวว่า แนวความคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ทัศนคติ โดยใช้อิทธิพล ทางสังคม เกิดจากความเชื่อที่ว่า บุคคลจะพัฒนา ทัศนคติ ของตนเองในลักษณะใดนั้น ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับจากผู้อื่นในสังคม สิ่งที่มี อิทธิพลทางสังคม แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ
1. กลุ่มอ้างอิง (Reference Group) หมายถึง กลุ่มบุคคลที่เราใช้เป็นมาตรฐานสำหรับประเมิน ทัศนคติ ความสามารถของเรา หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปบุคคลจะใช้กลุ่มอ้างอิงเพื่อประเมิน ทัศนคติ ของตน และตัดสินใจว่า ทัศนคติ ของตนถูกต้อง เพราะคิดว่าคนส่วนใหญ่ในกลุ่มมี ทัศนคติ เช่นเดียวกับตน
วัตสันและ จอห์นสัน ( Watson and Johnson ,1972) ได้กล่าวถึงอิทธิพลของกลุ่มอ้างอิงที่มีต่อการเปลี่ยนแปลง ทัศนคติ ไว้ดังนี้
0.ทัศนคติ ของบุคคลจะมีผลอย่างมากจากกลุ่มที่เขามีส่วนร่วม และกลุ่มที่เขาต้องการจะร่วมด้วย
0.ถ้าบุคคลเปลี่ยนแปลงกลุ่มอ้างอิงของตน ทัศนคติ ของบุคคลก็มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงด้วย
2 การสื่อสารมีบทบาทสำคัญ ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้บรรลุผลสำเร็จ ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ การที่คนเดินเท้ามีพฤติกรรมการปฏิบัติตาม กฎจราจรได้ ก็ต้องอาศัย การสื่อสาร เป็นเครื่องมืออันสำคัญใน การเพิ่มพูนความรู้ สร้าง ทัศนคติ ที่ดีและเกิด การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ไปในทางที่เหมาะสม โดยผ่านสื่อชนิดต่าง ๆไปยังประชาชน กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งต้องประกอบด้วย (สุรพงษ์ โสธนะเสถียร, 2533 : 120-121)
ความรู้ (Knowledge)เป็นการรับรู้เบื้องต้น ซึ่งบุคคลส่วนมาก จะได้รับผ่าน ประสบการณ์ โดย การเรียนรู้ จาก การตอบสนองต่อสิ่งเร้า (S-R) แล้วจัด ระบบเป็นโครงสร้าง ของ ความรู้ ที่ผสมผสานระหว่าง ความจำ (ข้อมูล) กับ สภาพจิตวิทยา ด้วยเหตุนี้ ความรู้จึงเป็นความจำ ที่เลือกสรร ซึ่งสอดคล้อง กับ สภาพจิตใจ ของตนเอง ความรู้ จึงเป็น กระบวนการภายใน
ทิตจิ้ม หาข้อมูล
ร่วมแสดงความคิดเห็น?